พื้นฐานแนวคิด
การประเมินคุณภาพสื่อการสอน
สื่อการสอน ได้แก่ บทเรียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุดการสอน เป็นต้น
แนวคิดการทดสอบประสิทธิภาพสื่อการสอนที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 2 แนวปฏิบัติคือ
(1) ประเมินโดยอาศัยเกณฑ์
(2) ประเมินโดยการเปรียบเทียบค่าทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (ค่าดัชนีประสิทธิผล: EI)
(1) ประเมินโดยอาศัยเกณฑ์
นิยมปฏิบัติใน 2 แนวทาง คือ(1) ยึดเกณฑ์มาตรฐาน 90/90 ของเปรื่อง กุมุท
ใช้ประเมินสื่อประเภทบทเรียนโปรแกรม
วิธีคำนวณค่าประสิทธิภาพสื่อ
1.สร้างตารางบันทึกผลการสอบหลังเรียนของผู้เรียน
2.ตรวจข้อสอบและกรอกผลการสอบของผู้เรียนแต่ละคน
3.พิจารณาผลการสอบเทียบกับเกณฑ์ตามวัตถุประสงค์
4.คำนวณประสิทธิภาพโดยใช้สูตร
ΣX หมายถึง คะแนนรวมของผลสอบหลังเรียนของผู้เรียนแต่ละคน
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนทั้งหมดที่ทดสอบ
R หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบ
Y หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่สอบผ่านทุกวัตถุประสงค์
(2) ยึด E1/E2 ของชัยยงค์ พรหมวงศ์
ใช้ประเมินสื่อประเภทชุดการสอนและสื่อการสอนประเภทอื่นๆ ยกเว้น บทเรียนโปรแกรม ซึ่งมีวิธีการคำนวณดังนี้
E1 หมายถึง ค่าประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนรู้
E2 หมายถึง ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์การเรียนรู้
ΣX หมายถึง ผลรวมของคะแนนกิจกรรมระหว่างเรียนของผู้เรียนทุกคน (N คน)
N หมายถึง จำนวนผู้เรียนที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพสื่อการสอนครั้งนี้
A หมายถึง คะแนนเต็มของกิจกรรมระหว่างเรียน
B หมายถึง คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
(2) ประเมินโดยการเปรียบเทียบค่าทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน(ค่าดัชนีประสิทธิผล: EI)
ดัชนีประสิทธิผลที่ใช้ได้ควรมีค่า 0.50 ขึ้นไป
สูตรการหาค่าดัชนีประสิทธิผล จะเขียนในรูปของร้อยละ ซึ่งได้จากการคำนวณคะแนนดิบ
E.I. แทน ค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness index)
P1% แทน ร้อยละของผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน
P2% แทน ร้อยละผลรวมของคะแนนทดสอบหลังเรียน
จะเห็นได้ว่า การประเมินสื่อการสอนนั้น วัดค่าได้เพียงเชิงปริมาณเท่านั้น หากจะนำไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาสื่ออาจจะเป็นข้อมูลที่ยังไม่เพียงพอ
การประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้
มีการพิจารณาข้อมูลเชิงคุณภาพเพิ่มเติม ดังนี้
สรุปการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการเรียนการสอน
1.ผู้สอนสามารถนำวิธีการประเมินสื่อในรูปแบบต่างๆไปใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่น การใช้เกณฑ์มาตราฐาน 90/90 ในการประเมินบทเรียนโปรแกรม การใช้เกณฑ์ E1/E2 ในการประเมินสื่อการสอนประเภทอื่นๆ
2.ผู้สอนสามารถนำแนวทางการประเมินไปใช้ในการประเมินสื่อที่ตนเองจัดทำขึ้นและนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุงสื่อต่อไปได้
3.ทำให้ผู้สอนตระหนักถึงการประเมินที่นำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงสื่อ ไม่ใช่การประเมินคุณภาพสื่อเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว